วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"คนไทย" กับ " ความกลัว" ตอนที่ 1

ขึ้นหัวมาก็ ฟังดูแปลกแล้วนะครับ กับหัวข้อโพสวันนี้ว่ามันเกี่ยวกับโรลเลอร์เบลดยังไง แต่เป็นเรื่องที่ผมคิดว่า มันเป็นอะไรที่สำคัญมาก และเป็นการตีแผ่ระบบความคิด ความเคยชิน และพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ในสังคมไทยเป็นกัน

สาเหตุที่ผมเขียนบทความเรื่องนี้ ก็เพราะผมต้องเจอคำถามแบบนี้ทุกๆวันจากนักเรียนที่มาเรียนสเก็ต หรือคนที่ติดต่อมาเพื่อซื้อโรลเลอร์เบลด  เลยคิดว่า บทความนี้น่าจะช่วยเป็นคำตอบสำหรับคนหลายๆคน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ทั้งหลาย

ถ้าอ่านจบแล้ว จะรู้ว่า จริงๆแล้วทุกเรื่องมันเกี่ยวกันหมดแหละครับ 

ในที่นี้ ผมเน้น ไปที่พ่อแม่ลูก และการเลี้ยงดูก็แล้วกันนะครับ 

แรกคลอด เด็ก คือผ้าขาว ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีศาสนา ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีแยกสีผิว ไม่กังวล ไม่กลัว หิวก็กิน อิ่มก็นอน ไม่ซับซ้อน 


แต่การเลี้ยงดู การอบรม การปลูกฝัง เพาะบ่ม พฤติกรรม การมองโลก การเข้าใจชีวิตนั้น ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่และคนใกล้ๆตัว

พูดง่ายๆ

เด็กจะโตมาเป็นคนยังไง ก็อยู่ที่พ่อแม่ สิ่งแวดล้อมรอบข้าง จะสร้าง 

ธรรมชาติ ให้น้ำผึ้งแก่พ่อแม่ทุกคน นั่นคือ "ความรักลูก" แต่ก็ให้ยาพิษมาด้วย นั่นคือ "ความรักลูก" ด้วยเช่นกัน

มันเป็นการบิดเบือน จากธรรมชาติ ที่ทำให้พ่อแม่ สร้างยาพิษแก่ลูก โดยไม่รู้ตัว โดยผ่าน ข้ออ้าง ที่เรียกว่า "รักลูก" (แต่ไม่ถูกทาง)


และอีกหนึ่งสาเหตุคือ "มนุษย์ ไม่เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ" 


ก่อนที่จะพูดถึงสาเหตุของเรื่อง ผมขออนุญาติพูดถึงผลลัพธ์ก่อน

แอบใช้เรื่องการเล่นโรลเลอร์เบลด มาเป็นกรณีศึกษานะครับ 


มีคนไทย กับ ต่างชาติ(เอาเป็นฝรั่งละกัน) เดินมา เห็นคนกำลังเล่นสเก็ตด้วยความสนใจ ผมจึงเชิญชวน ให้มาเล่นสเก็ตด้วยกัน ได้คำตอบแบบนี้ครับ 


ต่างชาติ
คนไทย
- good ดีจัง
- great สุดยอดด
- superb แจ๋วเลยยย
- woww ว๊าววว
- c'mon เอาดิ
- when หา เล่นเมื่อไหร่ล่ะ เอาด้วย
- why not เล่นสิๆ
- how can I join your class? เล่นด้วยคนสิ
- sport is good กีฬาเล่นแล้วดีนะ
- ไม่เอา กลัว
- เดี๋ยวหกล้ม
- เดี๋ยวแขนหัก
- เดี๋ยวขาหัก
- เดี๋ยวเลือดออก
- ปากแตก
- หัวแตก
- หน้าทิ่ม ฟันหัก
- เป็นแก๊งค์รึเปล่า
- เล่นสเก็ตแล้วตาย


อ่านแล้ว สังเกตเห็นอะไรไหม ในคำตอบ ของคน จาก 2 ชาติ

โอ้แม่เจ้า สุดยอดของnegative


ครับ คำตอบที่ได้ ยืนอยู่คนละขั้วโลก positive กับ negative ไม่ใช่ negative ธรรมดา แต่เป็น negative แบบสุดขั้ว 

มันเป็นคำพูดที่ หลุดออกมาจากปาก โดยอัติโนมัติ เพราะมันฝังอยู่ในระดับ  DNA  คนไทยครับ 

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลเล็กๆว่า ทำไมเราไม่ได้ครองโลกแทนฝรั่ง ไม่ได้เวอร์นะครับ คนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำ ไม่ว่าในห้อง ในชุมชน ในประเทศ ระดับใหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีความคิด หรือระดับการเป็นผู้นำละก็

( ผมไม่ได้บอกว่าฝรั่งมันดีกว่าไทยครับ ส่วนเลวมันก็เยอะจะแย่ แต่แนวคิดการฝึกลูกแบบนี้ของเค้าดีกว่าแน่นอน ในแง่การเรียนรู้ เรามองไปเป็นเรื่องๆนะครับ ข้อเสียไม่เอามาคุยละกัน )

หลายคนที่อ่าน คงคิดว่า ก็สเก็ตมันดูอันตรายไม่ใช่หรอ  ได้คำตอบแบบนี้คงไม่แปลก 

ปล่าวครับ สิ่งที่ผมจะบอกคือ คนไทย ไม่ได้คิด หรือพูด แบบนี้กับเรื่องโรลเลอร์เบลดอย่างเดียว แต่ เป็นกับทุกๆเรื่อง ในชีวิตเลย ความมั่นใจในตัวเองไม่ค่อยมี

-->ไม่เอา
-->ไม่เก่ง
-->คงทำไม่ได้
-->ให้คนอื่นทำดีกว่า
-->โห พูดอังกฤษ ต้องออกเสียงให้ถูกหรอ นั่นมัน ดัดจริต นะ !!??

อะไรแบบนี้

ทำให้คนไทยเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยากมาก เพราะพอจะทำอะไร ก็จะมีคำพูด ในแง่ลบแบบนี้ออกมาโดยอัติโนมัติเสมอ ไม่เชื่อหรอครับ ลองแกล้งไปถาม ให้คนใกล้ๆตัว ดูสิ ฟังคำตอบดูดีๆ หนีไม่ค่อยพ้น ที่ผมพูดไปหรอก

จริงๆยังมีระบบอีกอันที่กดศักยภาพและความมั่นใจของเด็กไว้ คือโรงเรียนครับ เวลาเด็กต้องพูดต่อหน้าชุมชน กลัวจนแทบเป็นลม ความมั่นใจหายไปไหน ไว้พูดกันอีกรอบ


อยากรู้ไหมครับ ว่ากระบวนการที่ก่อให้เกิดคำพูดในด้านลบแบบนี้พัฒนามาจากไหน 

ก็มาจากวิธีการเลี้ยงลูกที่พ่อแม่คนไทย คุ้นเคยกันไงครับ (คนจีนก็เป็นนะครับเท่าที่เห็น ชาติอื่นยังไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นมากเท่าไหร่  )

อยากรู้ว่าที่ผมพูด ถูกใหม ให้ลองไปนั่งสังเกต พ่อแม่คนอื่นที่เลี้ยงลูกนะครับ จะเห็นภาพชัดมาก 
ลองฟัง สิ่งที่พ่อแม่ พูดกับลูก จะมีแต่ประโยคทำนองนี้ครับ 

ลูก!!!
ห้ามเล่นอันนั้น 
ห้ามทำอันนี้
ห้ามปีนตรงนั้น
ห้ามนั่งตรงนี้
อย่าวิ่งนะลูก
ห้าม
ห้าม
ห้าม
ห้าม
ห้าม

ดี ไม่บอกว่า ให้ห้าม หายใจ ด้วย !!!



มีครั้งนึง ผมนั่งรอเวลา เครื่องขึ้น ที่สนามบินเชียงราย ก็อ่านหนังสือไป เห็นเด็กคนนึง ขวบ- 2 ขวบ กะลังวิ่งเล่นไปเรื่อยๆ วิ่งผ่านหน้าผมไป แล้วก็หยุด และนั่งลงบนพื้นสนามบิน 

ฉับพลัน ก็ได้ยินเสียง อาม่า กรี๊ดดังลั่น ทุกคนตกใจจากเสียงที่มาจาก อีกมุมนึงของอาคาร เป็นผู้หญิงสูงวัย วิ่งหืดหอบ ตรงไปยังหลานตัวน้อย แล้วก็พูดเสียงสั่นว่า 

นั่งพื้นไม่ได้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!!!!!!!!


เอ่อ นั่งพื้นนี่ มัน จะว่ายังไงดี

ลองหลับตานึกภาพดูสิครับ ว่ากระบวนการเหล่านี้ คุณกำลังหล่อหลอมให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คู่ไปกับโลกใบนี้ หรือกำลังแยกเค้าออกจากโลกใบนี้กัน 

คงจะมีคนบอกผมว่า ก็พื้นมันสกปรก มีนั่นมีนี่ ครับ ความจริงอันนี้ผมคิดว่า ทุกคนรู้และเข้าใจดี แต่ชีวิตคนเราอยู่กับการปนเปื้อนมาแต่แรกแล้ว ร่างกายจึงสร้างภูมิต้านทานมาให้เป็นของขวัญ เพราะในอากาศ น้ำดื่ม ของใช้ทุกอย่าง มันปนเปื้อนตลอดเวลา


ทุกคนรู้จักไข้หวัดใหญ่นะครับ เมื่อสมัยก่อน เป็นกันที ก็ตายกันเยอะแยะ ได้ยินคงหัวเราะ แต่มนุษย์ก็พัฒนาการมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นไข้หวัดใหญ่ ก็หายกันเป็นปกติ และในวันข้างหน้า เชื้อโรคก็ดำเนินของมันไป ก่อให้เกิดโรคใหม่มาอีก
คุณห้ามมันไม่ได้หรอกครับ มีแต่ต้องพัฒนาตัวเราให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อสู้กับมันใหม่อีกรอบ ทีนี้คุณจะฝึกให้ลูกคุณแข็งแรง หรือ เลี้ยงให้เค้าขาดภูมิในทุกๆด้าน มันคือสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่ต้องเลือก


เวลามีต่างชาติพาลูกมาเล่นสเก็ต ตอนลูกล้ม เค้าก็เหลือบตามอง ดูลูก โอเค เค้าก็อ่านหนังสือ รึคุยต่อไป ไม่ลนลาน ไม่ตกใจ

ถ้าเป็นพ่อแม่ไทย ต้องกรี๊ด ตกใจ หรือแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งครับ ลูกเค้าเรียนรู้ความกลัว จากอาการที่คุณแสดงออกให้เค้าน่ะครับ

โห แม่กรี๊ดขนาดนี้ ตูตกใจ ร้องให้ดีกว่า



ผมให้โปรแกรมรักษาเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการช้า ที่โรงพยาบาลมาก็หลายปีแล้ว ผมสรุปสาเหตุของพัฒนาการช้าได้แค่ 2 สาเหตุเท่านั้นจริงๆครับ

1. สาเหตุจากโรคหรือความผิดปกติทางร่างกายหรือพันธุกรรมต่างๆ อันนี้ผมเห็นใจ อย่าง autistic child , dawn's syndrome , อะไรแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด

แต่ ปัจจัยที่สอง

2. พ่อ แม่ รังแกฉัน
มีพ่อแม่หลายคน ต้องมาเสียเงินค่ารักษา เพื่อปรับพัฒนาการลูก ที่เกิดจากการเลี้ยงดูของตัวเอง (แบบทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว) เดี๋ยวผมจะพูดให้แบบละเอียดยิบเลย


ครับ

หากอ่านแล้วคิดตาม สิ่งที่ผมพูด คงจะเข้าใจได้ว่า

ผมไม่เคยบอกให้พ่อแม่ไม่ต้องห่วง ไม่รักลูกๆของตัวเอง ( ดักทางคนชอบคิดแง่ลบไว้ก่อนนะ )

แต่

กำลังจะบอกว่า " ควรจะรัก " ลูกตัวเอง แบบไหนต่างหาก



ชักยาวไปแล้ว ไว้มาต่อกันตอนที่ 2 นะครับ กับพัฒนาการเด็ก ฉบับตีแผ่ การเลี้ยงลูกแบบไทยๆ ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก (แต่ไฉนเป็นได้แค่ประเทศโลกที่ 3)

เล่นโรลเลอร์เบลดให้สนุกนะครับ
















































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความเห็นกันได้เต็มที่นะครับ