วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำไมเรียนเยอะ ถึงเจอะทางตัน

ผมมีโอกาสเห็น โพยหวย เอ้ย โพยการเรียนของเด็กหลายๆคน
 
ที่ลานสเก้ต
 
ถึงกับกุมขมับทีเดียวครับ 
 
www.skateproplus.com
 
เพราะมันอัดแน่น ไปด้วย "ปริมาณ อันมหาศาล"
 
ที่เด็กต้องเอาเวลา ชีวิตไปแลกมา 
 
และบางอย่าง ที่เรียน จริงๆ ควร ไม่ควรต้องเป็นการไปเรียน
 
น่าจะมาจาก ความชอบ ความหลงใหล 
 
เพราะ กิจกรรมที่เป็น ความหลงใหล ถ้าถูกเปลี่ยนเป็นหน้าที่
 
สิ่งที่ตามมาคือ ความน่าเบื่อ ได้ครับ 
 
ในขณะที่ผมสังเกตเด็กแล้ว มองเห็นว่า จริงๆ 
 
ที่เค้าต้อง เพิ่ม ไม่ใช่เรื่องการเรียนเลยครับ 
 
เรียนหนังสือ สำคัญนะครับ ไม่ใช่ไม่เรียน เอาแค่

อ่านหนังสือไม่ออก

ชีวิตมันก็ลำบากจะแย่ละ

แต่มันมีเหตุผล ที่ทำให้คนที่มุ่งไปแต่การเรียนอย่างเดียว
 
มักเจอกับปัญหา โดยเฉพาะกับเรื่องทางตันในชีวิต เต็มไปหมดในสังคม
 
บางคนแก้ปัญหาโดยการเรียนต่อ ยิ่งเรียนยิ่งติดกับ
 
ชีวิตก็ยิ่งพัน หาทางออกไม่ได้ 

เพราะแบบนี้ครับ

- การเรียนของเด็กในปัจจุบัน เป็นเรื่องปริมาณ เพราะส่วนนึง ไอเดียมาจาก
 
เรื่องที่ต้อง แข่งกัน หาที่หายใจในสังคม และอีกอันคือ พ่อแม่มันไม่มีเวลาดู
 
ก็ส่งไปเรียน แก้ปัญหาไป

-วิชาการเป็นเรื่องล้าสมัย ความรู้มันเปลี่ยนและพัฒนาตลอด เรียนจบมา
 
 ความรู้ที่เคยเรียนนั้นก็ใช้อะไรไม่ได้แล้ว

- การถูกปลูกฝังความเชื่อผิดๆว่า 
 
การเรียนคือ "เครื่องมือเดียว"ในการสำเร็จในชีวิต

ที่สอนต่อๆกันมา 
 
แต่การมีทางเดินในชีวิต จริงๆเกิดจาก 
 
"การปลูกฝังความเชื่อมั่น มุ่งมั่น"

ซึ่ง แน่นอน การมี 
 
"การบุคลิคภาพที่เหมาะสม ไม่เกี่ยวกับปริมาณการเรียน"

ถึงจะเรียนมามาก ก็แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ เพราะมันคนละเรื่องกัน

เราถึงได้เจอ คนที่จบ ป4 ป6 หรือออกจากโรงเรียนกลางคัน ก็ยังประสบความสำเร็จ สร้างกิจการตัวเองได้ เพราะเค้ามี คุณสมบัติ ที่จะสำเร็จ ในตัว

ในขณะเดียวกัน จบ ป.ตรี ป.โท กลับมาขอเงินบ้านเยอะแยะไป
 
รึที่เห็นบ่อย คือเด็ก พูดภาษาต่างชาติไม่ได้ 
 
ทั้งที่เรียนมาเยอะ เรียนมาหลายปี 
 
ปัญหาไม่ใช่ เรื่องเรียนไม่เรียน อะไรครับ
 
แต่เพราะเด็ก
 
"มันไม่เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถไงครับ"

- บุคลิกภาพของคนที่เอาชีวิตรอด หรือสร้างทางเดินชีวิตตัวเองจนสำเร็จได้นั้น เค้าเชื่อมั่นในตัวเอง มากกว่า ใส่ใจเสียงรอบข้าง 
ที่เป็นลักษณะ 
 
"ถ่วง" มากกว่า "เสริม" 
 
เพราะคนพูดส่วนใหญ่ก็

"ขาดความเชื่อมั่นพอๆกัน" รึ  "ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราเท่าไหร่"

- ความเชื่อมั่นในตนเอง เกิดจาก การเลี้ยงในตอนเค้าเกิดมาครับ ว่าเรา บอก เค้ามาแบบไหน จนเค้าเชื่อ ว่าเค้าเป็นคนแบบนั้น

พ่อแม่ไทยส่วนใหญ่ บอกลูกว่า เธอยังเด็ก เธอยังเล็ก ไม่รู้เรื่องหรอก ทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้ๆๆๆ อย่างอื่นไม่ต้อง เรียนก็พอ
 
มันคือ "ชิปคนขี้แพ้" 


ข้อมูล มันฝังไปอยู่ใน จิตใต้สำนึก จนเปลี่ยนเป็น บุคลิกภาพขี้แพ้

สรุป เด็กไทยโตมา เลยมึนๆ เมาๆ ชีวิตกันอยู่อย่างที่เห็น

ถ้าไม่เชื่อ ลองนั่งฟัง คนส่วนใหญ่ คุยกัน สอนเด็กกันสิครับ ฟังด้วยสติแยกแยะ แล้วจะตกใจ และไม่แปลกใจ ว่าทำไม เราเละเทะกันแบบนี้
 
- คนส่วนใหญ่ ใช้เงินเก่งมากกว่า หาเงินเองได้

และไม่ได้คิดว่า "การเรียนคือการลงทุน" มันเลยต้องคิดถึง

ความคุ้มค่าในการลงทุน ระยะเวลาการคืนทุนด้วย 

ถ้าคิดในมุมนี้ เราควรฝึกให้เค้า ช่วยเหลือและเรียนรู้ชีวิต ตั้งแต่ยังเด็ก


- สิ่งสำคัญที่เราต้องได้จากการเรียน คือ พื้นฐานการคิด การสร้างระบบ โดยเฉพาะการคิดให้เป็นภาพ  รวมถึงการจัดการทางการเงิน การฝึกสร้างไอเดีย และต่อยอดเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เพื่อเปลี่ยนเป็นธุรกิจ แต่เงื่อนไขนี้ คนสร้าง ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง

- เด็กไทย เริ่มต้นชีวิต ตอนจบ ป ตรี เป็นส่วนใหญ่ เพราะที่ผ่านมา พ่อแม่ ไม่ให้ทำไร นอกจากเรียนตั้งแต่เด็กจนโต 
 
มันเลยไม่มีประสบการณ์ชีวิต

- เป้าหมายชีวิตไม่มี รึถ้ามี ส่วนหนึ่งก็เป็นเป้าหมายของพ่อแม่ ไม่ใช่ของลูก เพราะไม่เคยถูกสอนเรื่องนี้มาก่อน รู้แค่ว่า เรียนหนักๆ เรียนดีๆ ขยันๆ เข้าสถาบันดังๆ จบมา....

- อยากสุข สำเร็จ มีรายได้ที่ดี ต้องหาสิ่งที่ชอบ แล้วเอาความรู้ไปวางระบบ แล้วต่อยอด ไม่ใช่นั่งรอ เงินเดือนจากระบบ ถ้ารอ ก็มีคุณภาพชีวิตไปตามระบบแค่นั้น

สรุปแล้ว สูงสุดของเรื่อง จริงๆ ปัญหา ไม่ใช่ มาจากเรื่องเรียนครับ

แต่เป็นเพราะ

พ่อแม่ ฝังชิบ คนขี้แพ้ ลงไปในตัวเด็กนั่นแหละครับ 
 
ไม่ได้ฝัง สิ่งสำคัญ ลงไป 

มันถึงเอา การเรียน รึ สิ่งที่มีในชีวิต ไปต่อยอดไม่ได้ แก้ปัญหาตัวเองไม่ได้

ไม่เชื่อก็ลองหันมาทบทวนวิธีการปลูกฝังเด็กๆ ของเรากันสิครับ

ว่าเราทำอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่า
 
 
 
**ถ้าใครมาลานสเก็ต แล้วเห็นเด็กล้มในลาน ไม่ต้องแปลกใจ 
ที่ทางผมและทีมสเก็ต จะไม่เข้าไปช่วย (แค่ล้มนะครับ ไม่ใช่บาดเจ็บ) 
 
แต่จะไปยืนใกล้ๆ ปรบมือให้กำลังใจ
และชมเค้า แล้วให้เค้า ยืนขึ้น ด้วยกำลังของเค้าเอง  
 
ปาดน้ำตา มาวิ่งต่อ
 
มันคือการใส่ข้อมูลใหม่ ให้เค้าเชื่อว่า "เค้าทำได้ครับ "

มาลานสเก็ต ก็เป็นคนเก่งได้ เชื่อใหมครับ 
 
ครูเสก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความเห็นกันได้เต็มที่นะครับ